‘เอไอ-ไอโอที’ ขึ้นหิ้งเทคโนโลยีมาแรงปี 62

จากยุคโมบายเฟิร์สต์จะเป็นเอไอเฟิร์สต์

ไทยเกาะติดเมกะเทรนด์ไอทีโลก คาดปี 2562 เอไอ ไอโอที โรโบติกส์ กระแสยังแรง ทุกสรรพสิ่งจะมีเอไอเข้าไปเกี่ยวข้อง กลายเป็นเอไอเฟิร์สต์แทนที่โมบายเฟิร์สต์ จุดจบของดาต้าเซ็นเตอร์กำลังคืบคลาน นักวิเคราะห์ข้อมูลจะมีมากขึ้นรับกระแสการหยิบข้อมูลผ่านการวิเคราะห์อัตโนมัติมาใช้งาน สำคัญต้องระมัดระวังความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี กล่าวว่า เทรนด์เทคโนโลยีโลกปี 2562 จะไม่เปลี่ยนจากเดิมมากนัก การ์ทเนอร์จัดเทรนด์เทคโนโลยีโดยแบ่ง 3 ส่วนคือ 1. อินเทลลิเจนท์ ที่การพัฒนาอะไรก็ตามต้องมีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) ฝังอยู่ในนั้น เป็นอินเทลลิเจนท์ แอพ แอนด์ อนาไลติกส์ และอุปกรณ์อัจฉริยะ 2. ดิจิทัล เป็นยุคของคลาวด์ การนำดาต้าขึ้นคลาวด์คอมพิวติ้ง คนจะมีประสบการณ์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น เกิดการตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวและจริยธรรม ทั้งจะได้เห็นการเพิ่มบทบาทของควอนตัม คอมพิวติ้ง และ 3.เมช(Mesh) เครือข่ายดิจิทัล บล็อกเชน สมาร์ท สเปซ เป็นสิ่งต้องมา การเชื่อมโยงระหว่างคน ธุรกิจ สิ่งของ คอนเทนต์ และบริการจะส่งผ่านดิจิทัล

ขณะที่เทรนด์โลกระบุไว้ว่า จากปี 2563- 2568 เทคโนโลยีสำคัญๆ ที่จะมีบทบาทคือ เอไอ อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์(ไอโอที) โรโบติกส์ บล็อกเชน และควอนตัม คอมพิวติ้ง

เกาะติดเทรนด์ไอทีไทย

ส่วนเทรนด์ที่สำคัญของประเทศไทย 6 อย่าง ประกอบด้วย 1.เอไอในทุกสิ่ง (Everything AI) จากยุคโมบาย เฟิร์สต์ จะกลายเป็นเอไอ เฟิร์สต์ โดยเอไอจะช่วยให้แข่งขันได้ ดาต้าเซ็นเตอร์จะถึงจุดจบ หรือเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่ง โลกกำลังจะเปลี่ยนไปอีกมาก เอไอจะถูกพัฒนาบนคลาวด์ ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีต่างมีแพลตฟอร์มให้บริการ เช่น กูเกิล ไมโครซอฟท์ อเมซอน อาลีบาบา

ขณะที่หัวใจสำคัญที่จะมาถึงคือ ดีพ เลิร์นนิง ที่ทำให้ปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะขึ้น ทำให้เอไอเรียนรู้เองได้ แยกได้ว่าสิ่งไหนคืออะไร 80% ของนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลจะใช้ดีพเลิร์นนิ่งในการทำงาน การใช้เอ็นแอลพี (Natural language processing) บนแพลตฟอร์มบีไอและอนาไลติกส์จะกลายเป็นมาตรฐาน

โดยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของการสืบค้นข้อมูลจะทำโดยเอ็นแอลพี หรือเสียง หรือเครื่องมืออัตโนมัติ ซึ่งการสั่งงานด้วยเสียงเป็นยุคที่ 4 ของเอไอ และเด็กรุ่นใหม่จะสั่งงานด้วยเสียงเป็นหลัก

นอกจากนี้  ด้วยภายในปี 2563 มากกว่าหนึ่งในสามของกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ข้อมูลจะได้รับการกระตุ้นให้เกิดการยอมรับและสร้างประสิทธิภาพในธุรกิจ ดังนั้นคนไอทีจะต้องศึกษาเรื่องเอไอ และดีพ เลิร์นนิ่งที่วิเคราะห์แบบเรียลไทม์ได้ ในอนาคตวิทยาศาสตร์ข้อมูล(data science) จะฉลาดขึ้นมาก ดังนั้นไม่ต้องใช้คนดูแลที่ฉลาดมากก็ได้ การที่เอไอจะทำงานได้ต้องมีดาต้ามากๆ ซึ่งจีนได้เปรียบเรื่องนี้เพราะมีข้อมูลจำนวนมหาศาล

ข้อมูลจาก http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/822865